“สุขเกษียณ” เรื่องเล่าจากเกษตรกรวัยเก๋า จากโครงการอิมแพ็ค ฟาร์ม

ใครว่า “คนวัยเกษียณ” แล้วต้องเกษียณ แล้วคนวัยเกษียณ สามารถหาความสุขจากการทำเกษตรได้อย่างไร มาฟังคำตอบจาก 2 เกษตรกรจากโครงการ อิมแพ็ค ฟาร์ม ที่ใช้ชีวิตหลังเกษียณมาทำเกษตรอินทรีย์
เริ่มจาก คุณบุญเสริม ไคร้งาม หรือ ลุงเสริม เกษตรกร ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เจ้าของพื้นที่เกษตรกรรมเพียง 2 งาน 26 ตารางวา แต่สร้างผลผลิตและความสุขได้เกินพื้นที่

คุณบุญเสริม เล่าว่า จุดเริ่มต้นจากบุคลากรโรงพยาบาลที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสุขภาพ ทำให้เห็นความสำคัญของการรับประทานผักและผลไม้ปลอดภัย ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกคนต้องใส่ใจ

หลังจากนั้นเมื่อเกษียณอายุราชการ จึงตัดสินใจเริ่มต้นทำเกษตรอย่างเต็มตัว แต่ก็เริ่มต้นจากความรู้ และค่อยๆสั่งสมประสบการณ์ ซึ่งใช้เวลากว่า 10 ปี ปัจจุบันสามารถแบ่งปันความรู้ให้เกษตรกรที่สนใจได้ภายใต้ “สถานีเติมสุขบ้านลุงเสริม”

ส่วนสิ่งที่ภูมิใจมากที่สุดในการทำเกษตรอินทรีย์ คือ อาชีพเกษตรกร แม้จะไม่ใช่อาชีพที่ร่ำรวยและสร้างรายได้มากที่สุด แต่สิ่งที่เราได้และวัดมูลค่าไม่ได้เลยนั่นคือ “สุขภาพและความสุข” แถมท้ายด้วยความภูมิใจที่เราได้ผลิตผักและผลไม้ที่ปลอดภัยให้ผู้บริโภคได้รับประทาน

สำหรับเกษตรกรวัยเกษียณคนต่อไปที่จะพาไปรู้จัก คือ คุณมาลินี วรรณวงศ์ หรือครูแอ๊ว อดีตข้าราชการครูที่ใช้เวลาหลังเกษียณกับสามีปลูกปั้นสวนเกษตรอินทรีย์จากความรัก ภายใต้ชื่อว่า “สวนครูแอ๊ว” ด้วยเล็งเห็นความสำคัญว่า การทำเกษตรอินทรีย์ไม่ได้มีประโยชน์แค่ต่อตนเอง ครอบครัว เพื่อนฝูง หรือ คนรอบข้างเท่านั้น แต่ยังมีส่วนมอบพื้นที่สีเขียว และความปลอดภัยให้แก่ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นครูแอ๊วจึงเลือกปลูกข้าวด้วยวิถีธรรมชาติ เรียกว่า “นาน้ำฟ้า” เพราะปีหนึ่งจะปลูกได้เพียง 1 ครั้ง โดยอาศัยน้ำฝนจากฟ้าเท่านั้น

นอกจากนี้ยังปลูกพืชผสมผสานทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อหมุนเวียนสร้างรายได้ตลอดทั้งปีและช่วยปรับระบบนิเวศในธรรมชาติให้สมดุลอีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับคำถามว่า ทำเกษตรอินทรีย์แล้วเราได้อะไร? ครูแอ๊ว ตอบคำถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า เกษตรอินทรีย์ ได้มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ นั่นคือ ความสุขทั้งกายและใจ ความอิ่มอก อิ่มใจ ที่พลอยทำให้ร่างกายแข็งแรงไปด้วย

เพราะการทำเกษตรไม่ใช่เรื่องของวัย ... แต่เป็นเรื่องของใจมากกว่า